จากการศึกษาค้นคว้า เรื่อง
ภูมิปัญญาของหมอตำแย คณะผู้จัดทำวิเคราะห์ได้ว่า ภูมิปัญญาของหมอตำแยนั้นลดลงจากในอดีต
เนื่องจากการแพทย์เจริญก้าวหน้ามีโรงพยาบาลศูนย์รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย
คนนิยมไปทำคลอดที่โรงพยาบาล
จากที่อดีตหมอตำแยจะใช้ภูมิปัญญาดูแลแม่และเด็กตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ ตอนคลอด
และดูแลหลังคลอด แต่ในปัจจุบันภูมิปัญญาหมอตำแยมีการลดบทบาทในการทำคลอดลง
เหลือเพียงพื้นที่ชนบทห่างไกลความเจริญ เช่น ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ที่หมอตำแยยังมีบทบาทในการทำคลอด
![]() |
ที่มา: มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม |
ส่วนผู้ที่เข้ามาแทนที่บทบาทหมอตำแยในการทำคลอด คือ สูตินารีแพทย์ผู้ให้คำปรึกษาตลอดการตั้งครรภ์ อีกทั้งยังมีทางเลือกมากมายในการลดความเจ็บปวด ดังต่อไปนี้
1.คลอดธรรมชาติ
2.ผ่าตัดคลอด
3.การคลอดในน้ำ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมาก ๆ ในต่างประเทศ และกำลังเข้ามาในประเทศไทย เช่น คุณกุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์ ที่คลอดเองธรรมชาติในน้ำ โดยไม่มีการวางยา บล็อคหลังใดๆทั้งสิ้น
ในต่างประเทศอาจเลือกทำคลอดที่บ้านได้แต่สำหรับประเทศไทยส่วนใหญ่จะเลือกการทำคลอดที่โรงพยาบาล
ซึ่งมีแต่ละวิธีนั้นก็มีความปลอดภัยไม่แตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์
ส่วนภูมิปัญญาการดูแลแม่และเด็กหลังคลอดของหมอตำแยในปัจจุบันยังคงอยู่และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต
เช่น การอยู่ไฟ, การประคบสมุนไพรด้วยลูกประคบ, การนั่งถ่าน ฯลฯ สิ่งที่แตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบัน คือ อุปกรณ์ที่ใช้
ได้มีการประยุกต์และพัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบัน มีผู้คนสนใจศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อนำไปประกอบอาชีพ
เช่น บริการอยู่ไฟนอกสถานที่หรือบริการถึงบ้าน ,การนวดประคบสมุนไพร,
บริการตามร้านเสริมสวย คลินิกแพทย์แผนไทย สปา ฯลฯ
อีกทั้งยังได้รับการส่งเสริมจากกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข เช่น
โครงการสร้างเสริมสุขภาพและการดูแลอนามัยมารดาและทารกชาวไทยมุสลิมใน 5 จังหวัดชายแดนใต้โดยความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลเป็นผู้ทำคลอดกับหมอตำแยผู้ดูแลแม่ช่วงหลังคลอด
เป็นต้น จึงทำให้ภูมิปัญญาของหมอตำแยเป็นความรู้ที่พัฒนามาจนถึงปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น